วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ส.ค.ส.จากหลานนี

               ส.ค.ส.จาก หลานนี ที่น่ารัก
               ขอบคุณนัก พรดีดี ที่มีให้
               ขอให้หลาน โชคดี ตลอดไป
               คิดสิ่งใด ได้สม อารมณ์เทอญ

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กุหลาบงาม

               กุหลาบงาม ยามบ่าย ยังใสสด
           หวานหยาดหยด ชวนหลง ให้สงสัย
               พรุ่งนี้หนา ยังสวย สดุดใจ
            เช่นนี้ไหม หนอเจ้า กุหลาบงาม

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ในวิกฤติมีโอกาส

               ในวิกฤติมีโอกาสฉลาดแท้
                มีทางแก้ปัญหาอย่าสงสัย
                สติมั่น,อารมณ์นิ่งยิ่งมีชัย
                รู้หักหอกเป็นดอกไม้ปัญญางาม

วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความจริง-ในสิ่งลวง

                  โอ้ว่า มายา ในหล้าโลก
             หลงอุปโหลก เพียงว่า แค่ตาเห็น
             แถมมือคลำ อีกซ้ำ เมื่อจำเป็น
             ไม่อาจเห็น ความจริง ในสิ่งลวง

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ที่บ้านเกิด

      ดั่งแพรวไหม...ใช้ทอผืน...กำมะหยี่
          พรมชั้นดี...ผลิใบอ่อน...อ้อนวัยใส
             พริ้วยอดหญ้า...คราลมพัด...ระบัดใบ
                ก็ซึ้งใจ...ลานดินดอน...ตอนน้ำลด
                คือริมคลอง...ในตลาด...ที่บ้านเกิด
            ยังบรรเจิด...ประทับจิต...มิต้องจด
        งามพิสุทธิ์...สดสะอาด...แสนงามงด
     ด้วยกำหนด...กฏสรรค์สร้าง...จากชั้นพรหม

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เค็มก็อม ขมก็กลืน

                     

                              เค็มก็อม ขมก็กลืน ชื่นชีวิต

                          ประหม่าจิต ปริศนา โลกาหนอ

                    สุขในหลง ปลดปลงแล้ว ยังเฝ้ารอ

                 ชาติหน้าหนอ ขอครองคู่ อยู่ด้วยกัน

                           สิ่งดีดี มีให้กัน นั้นหายาก

                       มีค่ามาก ดั่งรากฐาน การกุศล

                    อาจสืบมา แต่บรรพกาล บันดาลดล

                 พาหลุดพ้น ทุกข์นานา ผาสุขเอย

            

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ข้อธรรมอำนวยพร

                  ด้วยข้อธรรม อำนวยพร เกิดกลอนนี้
                  จิตเปรมปรีย์ สัจจธรรม คำพระสอน
                  กลับให้น้อง พูนสุข ทุกข์จากจร
                  ดั่งคำพร ที่ส่งให้ สดใสเทอญ

แจ่มใสในพระธรรม

                     แจ่มใสใน พระธรรม ฉ่ำชื่นจิต
                     นำชีวิต สุขสันต์ และหรรษา
                     ด้วยสัจจธรรม ที่องค์ พระสัมมา
                     ชี้ทางพา พ้นทุกข์ สุขเพิ่มพูน

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กระป๋องเปล่า

               *กระป๋องเปล่า เขย่าไป ไม่มีเสียง
                 สรรพสำเนียง คำขาน ที่หวานหู
                 เปรียบคนด้อย น้อยค่า ไม่น่าดู
                 จึ่งหดหู่ ดิ้นรนหา ค่าของตน
               *ณ.วันหนึ่ง ซึ่งบาปเก่า บรรเทาบ้าง
                 บุญเคยสร้าง ได้เวลา ปรากฏเสียง
                 โหยมานาน ทะยานค่า หาใดเคียง
                 หลงในเสียง ว่าเลิศล้ำ ค้ำโลกา
               *ข้างในพร่อง กระป๋องดัง ฟังก็รู้
                 ผู้เต็มอยู่ เสียงสงบ จบแล้วหนอ
                 คนยังขาด ประกาศหรู ทำชูคอ
                 อนาถหนอ น่าสงสาร ประจานตน
                

กุฏีสงฆ์

                        สู่อิสระ เสรี กุฏีสงฆ์
                 อาจเสริมส่ง บารมี ถึงที่หมาย
                 สัปปายะ สละโลก โศกมลาย
           ลุจุดหมาย ได้นิพพาน ฉับพลันเทอญ

กราบหลวงพ่อ*

            กราบหลวงพ่อ ผู้ก่อเกื้อ เอื้อเฟื้อยิ่ง
               ขจัดสิ่ง มอมเมา เขลาทั้งหลาย
                  ให้รู้ตื่น คุณธรรม นำยกใจ
                      สังคมไทย ได้หลัก ประจักษ์จริง

วันพุธที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตเปรียบดั่งโลกที่หมุนมา

                  ชีวิตเปรียบ ดั่งโลก ที่หมุนมา
                ปะทะพา ดวงใจ ให้หมองเศร้า
                ความทุกข์ท้อ ต่อสุขท้น ปนคลุกเคล้า
                แสนอับเฉา คราวระทม ขมขื่นทรวง
                   ลงหลักปัก แน่วแน่ ไม่แส่หา
                เรื่องยังมา ให้ต้องแก้ ต้องหวั่นไหว
                เรียนธรรมะ เพื่อประจักษ์ ที่หนักใจ
                ด้วยอาลัย ในหวง ห่วงผูกพัน
                    เพียรทำใจ ให้สดใส ให้เข้มแข็ง
                ทนความแรง เหล่าอมิตร พิชิตขวัญ
                เมื่อจิตนิ่ง สงบสู้ รู้ปัจจุบัน
                รู้เท่าทัน มันคือเงา เขลาเหลือทน
                   ทุกวันนี้ พอใจตาม ความเป็นอยู่
                พร้อมปรับกู้ วิกฤตใหม่ เมื่อปรากฏ
                จิตสว่าง กระจ่างธรรม นำอนาคต
                จึ่งหมดจด จบแล้วจาก อย่างงดงาม

แจ้งสัจจธรรม

                           ทุกข์ประจำ ในโลก ว่าโศกแล้ว

                            ยังไม่แคล้ว ทุกข์จร อาวรณ์หา

                            ต่อเมื่อแจ้ง สัจจธรรม พระสัมมา

                             ตั้งสัจจา อำลา วัฏฏะวน

คานธีคานธรรม

               วันคานธี คานธรรม ค้ำจุนโลก
               พาหลุดพ้น วิปโยค โศลกหลาย
               ให้ได้ใช้ เตือนตน พาพ้นอบาย
               คุณมากมาย น้อมก้ม ประนมกร

ลูกหมาน่ารัก

               "ข้ามถนน หนทาง อย่าวางใจ
               จงจำไว้ ในคำ แม่พร่ำสอน
               สะพานลอย คอยช่วย ไม่ม้วยมร
               พึงสังวรณ์ สะท้อนใจ ไว้ให้ดี"
                   เจ้าลูกหมา น่ารัก ฟังแม่สอน
                กลัวม้วยมร ใจสั่น ครั่นคร้ามจิต
                เหลียวมองขวา มองซ้าย หลายความคิด
                ขอใช้สิทธิ์ ปีนบันได โล่งใจเอย

                         

ดอกหญ้าเอย

               ดอกหญ้าเอย เคยพริ้ว ริ้วระรอก
             โอนเอนหยอก เงาระบัด ตะวันฉาย
             ช่วยคลุมดิน ให้ชุ่มชื้น กว่าผืนทราย
               น่าใจหาย ถ้าไม่เห็น เจ้าเช่นเคย

นกกระเรียน

                 อายุยืน ยิ่งกว่า นกกระเรียน
               ยิ่งพากเพียร กิจการ ดั่งดั้นเมฆ
             สุขภาพกาย และจิต ฟิตชั้นเอก
           เทพเจ้าเศก ให้ชื่อก้อง เกียรติเกริกไกร

วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

เรือฮ่าง

            โอ้เรือฮ่าง วางภาระ ขณะนี้
            ลอยวารี สงบว่าง กลางน้ำใส
            สมสง่า ล้ำคุณค่า ตราตรึงใจ
            น่าเคารพ นบไหว้ ในพระคุณ

พ่อไก่

         พ่อไก่ขัน ยืนผงาด ประกาศกร้าว
            ตะวันเล่า ก็เรืองแสง แห่งวิถี
            ใช่ไก่ขัน แล้วตะวัน จึงพลันมี
            โถความดี ที่หลงโอ่ โอ้ระทม

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

เห็นกล้วยไม้

                เห็น'กล้วยไม้ 'ใช้เตือนใจ ว่า'ใกล้ม้วย'
            เคยบานสวย ช่วยเตือนสอน ตอนร่วงเสีย
                ที่สดใส หายไปหมด อดใจเพลีย
            เลิกละเหี่ย ด้วยเจนจบ จึ่งสงบเย็น

เชิญชิมได้

            ภาษาสวย รวยเสียง สำเนียงเสนาะ
            แสนไพเราะ ฟังเพลิน เจริญจิต
            เชิญชิมได้ ผลไม้ ให้ลองพิศ
            เจริญจิต คึกคักค้า น่ามาเยือน

วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

ฮึดสุดท้าย

            หากชีวิต จะต้องสิ้น ถูกกินฟรี
          เสียศักดิ์ศรี ทั้งที่มี ทางต่อสู้
          ฮึดสุดท้าย บีบให้แน่น คอศัตรู
          ใครจะตาย ใครจะอยู่ เดี๋ยวรู้เอง

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557

สัจจธรรม

         สัจจธรรม ความจริง ชายหญิงเอ๋ย
            แม้ไม่เคย แก่และตาย แต่ผวา
            ยังลุ่มหลง มัวเมา เขลาจริงนา
           เป็นธรรมดา ทุกๆคน ไม่พ้นเลย

ครรชนี

            ดรรชนี ชี้ที่ไหน ได้ดังจิต
         ทั้งมวลมิตร ทรัพย์สิน สิ้นสงสัย
           สุขภาพดี ทั้งกายจิต พิชิตชัย
         ยั่งยืนไป ให้วันเกิด ตลอดกาล

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2557

ยอด

            ยอดเจดีย์ ยอดไม้ ยอดใบหยก
         ล้วนต้องตก ในกฏ ไตรลักษณ์หนา
         มองเห็นยอด นึกถึงราก ฐานค้ำมา
             จึ่งสง่า งามแท้ แก่ตนเอง

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

ณ.แน่งน้อย

               ให้สมบรูณ์ พูนสุข เกษมศานต์
               ดั่งบัวบาน ผ่องแผ้ว แวววิมุติ
               ด้วยกุศล ผลบุญ อันพิสุทธิ์
               คุณพระพุทธ-รักษา ณ.แน่งน้อย

ใครกำหนด

                       แม้สลับ สับกลาง หว่างวิถี
                        ทั้งชั่วดี จะมี ใครกำหนด
                      ในบทบาท ชีวิต ที่เลี้ยวลด
                    ตนสร้างกฏ กรรมแท้ แก่ตนเอง

จากกันไป

                 ณ.   วันหนึ่ง ซึ่งคือวัน ฉันลาจาก

                 ที่     ทิ้งซาก อย่างเด็ดขาด ไม่พลาดเป้า

               อยู่    เคยสร้าง กรรมการุณ อุ่นใจเรา

             ใหม่   ไม่เหงา เรามีทุน อุ่นใจเอย


ช่างเขาเถิด

                  ใครดูถูก เกลียดชัง ช่างเขาเถิด
               ความประเสริฐ เกิดในใจ ใครไม่เห็น
                  มุ่งมั่นสู่ กุศลกรรม ไม่ลำเค็ญ
               ความจำเป็น ต้องการจบ พบนิพพาน

เรือน้อย

                             อุปมา เรือน้อย ลอยวารี
                           ดั่งชีวี เคว้งคว้าง หวังฝั่งฝัน
                       ต้องโต้คลื่น ต้องฝืนลม ข่มจาบัลย์
                    สบสุขสันต์ พลันเห็นฝั่ง ทางนิพพาน

อาลัยสืบ

          เพราะป่าช่วย รักษา สมดุลโลก
       เหตุต่องโศก เกิดขึ้นมา ป่าสูญหาย
       ทั้งน้ำป่า ทั้งร้อนแล้ง โลกวอดวาย
       พวกผู้ร้าย ไม่หลุดพ้น กฏแห่งกรรม

วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

วัดในใจ

         เมืองไทยเรานี้ ล้วนมีคุณค่า
     ทั้งวัดทั้งป่า ชวนมาชื่นชม
     สีสรรสดสวย รุ่มรวยอารมณ์
     แล้วหันมาชม วัดในใจเรา
         โน่นแน่ะโคนไม้ โน่นแน่ะเรือนว่าง
     ปล่อยจิตวาง ว่างจากตัวตน
     กิเลสตัณหา มานะทิฏฐิ
     ดอกบัวเริ่มผลิ สุทธิในกมล เอ่อ เอ้อ เออ เอย...
    

วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ฝนกระหน่ำ

          ฟ้ามืดดำ คำรามก้อง นกร้องจ้า
        เมฆต่ำมา พายุซ้ำ กระหน่ำทั่ว
      ฝนสาดใส่ ต้นไม้โยก แลน่ากลัว
    ชุ่มโชกทั่ว หัวระแหง แก้แล้งเอย

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แสงสุดท้ายที่ปลายฟ้า

     ตะวันรอน อ่อนแรง แสงสุดท้าย
ดั่งความหมาย ให้ปล่อยวาง หว่างถวิล
เตรียมจบจาก ทางทุกข์โศก โลกอาจิญ
พร้อมคืนถิ่น จิตสว่าง กระจ่างธรรม

วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พระพรหมของลูก

     สมาชิกใหม่ของบ้านตรงข้ามชื่อเด็กชายฟลุ๊ก อายุประมาณ4ขวบ พ่อสั่งให้อยู่แต่ในบ้าน แล้วพ่อก็เดินออกไปขึ้นรถที่บรรทุกคนงานเต็มกระบะ เด็กน้อยวิ่งตามออกมา แล้วแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนงาน รถออกไปได้ไม่ไกลความลับก็แตก พ่อขับรถกลับมา อุ้มลูกชายกลับเข้าในบ้าน อบรมสั่งสอนแล้วก็ขับรถออกไป
   ฟลุ๊กเปิดประตูรั้วแล้ววิ่งตามรถพ่อ ร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ทั้งที่รถพ่อไปไกลจนลับตาแล้ว อีกครู่ใหญ่รถของพ่อฟลุ๊กก็กลับมาอีก พ่ออุ้มลูกชายลงจากรถดุด่าเอ็ดตะโร กลบเสียงร้องไห้ของเด็กน้อย แล้วพ่อ...ก็จากฟลุ๊กไป ทิ้งให้เด็กน้อยอยู่ในบ้านคนเดียว นานๆจะได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญ สลับกับเสียงตะโกนร้องเรียกพ่อ...ตามมาด้วยเสียงสะอึกสะอื้น
    หัวใจของเด็กน้อยจะอ้างว้างและว้าเหว่เพียงใดในยามนี้ หากว่าพ่อจะยอมเสียสละความคล่องตัวในการทำงานบ้าง ด้วยการพาลูกไปด้วย ให้ลูกได้ใกล้ชิด ได้สัมผัสถึงความรัก ความอบอุ่น ในยามที่ลูกต้องการการเยียวยาเช่นนี้
     ครั้งหนึ่งในวัยเด็กเช่นฟลุ๊ก ฉันเคยวิ่งตามอาเจ็ก(พ่อ) ที่กำลังรอขึ้นรถไฟไปกรุงเทพ ด้วยสภาพเด็กหญิงเนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่ได้ใส่รองเท้า นุ่งผ้าถุงเก่าๆ เสื้อคอกระเช้าเก่าๆตัวโคร่งๆ
     ทันทีที่อาเจ็กหันกลับมาเห็น ในขณะที่รถไฟกำลังแล่นเข้าเทียบชานชาลา อาเจ็กคว้าตัวฉันยึดไว้แน่นด้วยมือที่แข็งแรงของท่าน ละล้าละลังชั่วอึดใจแล้วก็ตัดสินใจ อุ้มฉันขึ้นรถไฟไปด้วยกันกับท่าน
     ความตื่นเต้น ดีใจ อุ่นใจในความปลอดภัยที่ได้อยู่ใกล้อาเจ็ก ท่านพาฉันไปในทุกที่ ที่ท่านต้องไปติดต่อสั่งซื้อสินค้าอย่างไม่อายใคร แม้ผู้คนจะมีท่าทีขบขันแกมสมเพศ ที่แม้เด็ก4ขวบอย่างฉันก็ยังรับรู้ได้ แต่อาเจ็กกลับพาฉันไปเดินเที่ยวชมโปสเตอร์หน้าโรงหนังอย่างมีความสุข ร่วมไปกับผู้คนที่แต่งกายทันสมัยสวยงาม พาไปกินอาหารอร่อยๆ พาเดินชี้ชมความหรูทั้งหลาย ที่เด็กบางเขนไม่เคยได้เห็น
     ความทรงจำที่ยังประทับอยู่ในจิตใต้สำนึก สัมผัสรับรู้ได้ถึงเมตตา,กรุณา,มุทิตา,และอุเบกขาจากท่าน ก่อให้เกิดเป็นความมั่นคงในจิตใจ เติมเต็มความอิ่มใจ สุขใจ จนกลายเป็นพลังใจ ที่พร้อมจะเผื่อแผ่ความสุขใดๆให้กับครอบครัว และสังคมได้อย่างไม่จบสิ้น
     ความดีทั้งหลายที่ฉันได้ทำแล้ว กำลังทำอยู่ และที่จะทำต่อไป ขอให้อาเจ็กได้รับอานิสงค์ของบุญกุศลนั้นๆด้วยเทอญ

อึ่งอ่าง

     อึ่งอ่างบนกำแพงรั้วสูงเมตรครึ่ง มันขึ้นไปได้อย่างไร และแล้วมันก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่มีใครพามันขึ้นไปด้วยการ กระโดดลงมาบนโต๊ะสนามอย่างนุ่มนวล เกาะหนึบ เป้าหมายต่อไปคือ กระโดดลงไปที่เก้าอี้ แล้วลงต่อไปตามโขดหินน้ำตก จนถึงพื้นดินอย่างมีลำดับขั้น
     สัตว์เดรัจฉานครึ่งบกครึ่งน้ำตัวเล็กกว่ากำปั้น ทว่า มันฉลาดเกินคาดคิด



วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ชีวิตคู่

     ชีวิตคู่....
     คือการก้าว    เข้าสู่    สนามรบ
     ฉันได้พบ    โจรร้าย    ใจวิปริต
     จ้องผลาญพร่า  มุ่งร้าย  หมายชีวิต
     หาความผิด    โยนใส่    ใจหมองมัว
     ....ชีวิตคู่    ควรมุ่งสู่    คู่ชีวิต
     ประสานจิต  คิดสร้างสรร  ฝันสวยหรู
     ช่วยเติมเต็ม    ให้แก่กัน    ด้วยเอ็นดู
      ชีวิตคู่    จะยืนยง    คงนิรันดร์
      แต่....
      เขามิใช่    คู่คิด    หรือมิตรแท้
      เขามุ่งแต่  เข่นพิฆาต  ประหลาดหนอ
      ชีวิตคู่     ที่ปวดร้าว     ยาวนานพอ
      แล้วจะต่อ  ความชอกช้ำ  อีกทำไม.

อวยพร

    จงมีจิต  เข้มแข็ง  และแกร่งกล้า
    ตำแหน่งเล่า  ก้าวหน้า  อย่างเร็วรี่
    กัลยาณมิตร   ถ้วนทั่ว   สังคมดี
    สุขภาพนี้   มีผลบุญ   หนุนเนื่องเทอญ

ชีวิตฉัน

    ชีวิตฉัน  ผ่านพ้นมา    ณ.วันนี้
    จะกี่ปี    ก็ยังมี    ความหวาดหวั่น
ด้วยหัวใจ    มันสลาย    ไปก่อนนั้น
หนทางตัน    สิทธิ์ไม่มี    ที่เลือกเดิน
    เป็นคนดี    คือหน้าที่    ที่ฉันผูก
    หวังเป็นลูก    มีคุณค่า    น่าฉงน
กับเงื่อนไข    ที่ว่า    บ้านเราจน
จึ่งต้องทน    ก้มหน้า    เย็บผ้าไป
    ความสุขนั้น    ย่อมหาได้    ในหน้าที่
    สุขที่มี    ความสำเร็จ    เป็นปฐม
สุขได้ให้    สุขได้มี    คนนิยม
ได้ชื่นชม    ผลงานสู่    ผู้รอคอย
    ณ.วันนี้    ชีวิตมี    ความพร้อมแล้ว
    ด้วยฉัตรแก้ว    กั้นเกษ  เกียรติศักดิ์ศรี
อีกลูกรัก    ทั้งสาม    เป็นคนดี
ก็เท่านี้    แหละชีวี    ที่ต้องการ
    ทั้งพ่อลูก    ชะโลมใจ    ให้แม่อยู่
    ช่วยกันสู้   อุปสรรคพ่าย   ให้เชื่อมั่น
หากวันใด    รังเกียจแม่    จงบอกพลัน
ก็คือวัน    แม่จากจร    ไม่ย้อนคืน

เกิดเป็นมนุษย์

    เกิดเป็นมนุษย์    ได้เพราะบุญ    หนุนนำเกิด
    ให้ประเสริฐ    กว่าสรรพสัตว์    เห็นชัดได้
คิดวางแผน    ได้แยบยล    เหนือสัตว์ใด
สร้างสรรค์ให้    วิวัฒนา    กว่าบรรพกาล
    แต่มนุษย์    ก็ยังเวียน    ตายแล้วเกิด
    จะประเสริฐ    เลิศกว่าสัตว์    นั่นสงสัย
ด้วยบาปบุญ    ที่ผลิต    ติดตัวไว้
จัดสรรให้    เกิดตามกรรม    ที่ทำมา
    โอกาสนี้    ดีได้เกิด    เป็นมนุษย์
    ใช้กลยุทธ์    พุทธวิธี    ที่มาดมั่น
พาหลุดพ้น    กงกรรมเก่า    เฝ้าเพียรกัน
ดั่งนิพพาน   สราญแท้  แก้ทุกข์เอย
   

วันเวลาที่ผันผ่าน

    วันเวลาที่ผันผ่าน   
ประสบการณ์ให้ความรู้
ทำให้ฉันได้คุณครู   
ที่มีอยู่ทุกแห่งหน
     จะน้อยใจทำไมเล่า  
เพราะความเขลาและสับสน
มุ่งเก็บเกี่ยวอย่างอดทน
ปัญญาตนย่อมเฟื่องฟู
      เกมชีวิตแม้ติดขัด   
เร่งขจัดอย่างสุดกู่
ด้วยความดีที่เชิดชู
เหล่าวิญญูฯยกย่องเอย
 

คืนวันก็ผันผ่าน

คืนวันก็ผันผ่าน  ประสบการณ์ก็เพิ่มพูน
   โลกนี้ก็จำรูญ  ด้วยสมองและสองมือ
อย่าปล่อยวันให้ผ่านเปล่า  วิบากเราเป็นอย่างไร
    เมื่อจรจากโลกนี้ไป  หากเกิดใหม่ได้พัฒนา
จะสุขจะเศร้าเราต้องจาก จะพบจะพรากต้องจากลา
    สัจจธรรมแห่งชีวา  โอ้ระอาผวาระทม
ตัดใจเพื่อจรจาก  ขุดรากจากโศกตรม
    ใช้สติจับอารมณ์  ข่มอาวรณ์ก่อนจะบรรลัย
วังวนในชีวิต  เพียรลิขิตให้สดใส
    เป็นเสบียงนำพาไป  วิวัฏะได้ไม่อาดูร
ต้องเข้มแข็งต้องแข็งแกร่ง ต้องมีแรงต้องฟันฝ่า 
    ทั้งกิเลสและตัณหา  ต้องตัดผ่าไม่เกื้อกูล
เส้นทางอริยชน พ้นหมองหม่นพ้นโสมม
    คุ้มค่าน่าชื่นชม  ได้รื่นอารมณ์ได้สมอุรา เอย

พรหมวิหาร

    เมตตา   คือ  จะไม่ทำ  ช้ำกายใจ
    กรุณา   ให้  คลายความทุกข์  สุขทั้งผอง
    มุทิตา     คุ้ม  เมื่อเธอสุข  สมใจปอง
    อุเบกขา  ครอง  ศีลห้าครบ  สงบสุขเอย
          นี่คือความรักที่เรามีให้แก่กันและกันค่ะ

ผองน้ำเน่าเราขอลา

     วนเรื่องหลัง  ฝังใจ  ไร้สาระ
พอเถอะนะ  ใจช้ำ  ระกำหมอง
คือน้ำเน่า  เคล้าเหม็น  กระเซ็นฟอง
แค่ละออง  เข้านัยตา  ยังพร่ามัว
     อันเนื้อตัว  เปื้อนแล้ว  ขัดล้างได้
แต่เปื้อนใจ  ไม่ขจัด  เดี๋ยวกลัดหนอง
ล้างทั้งตา  ล้างทั้งใจ  ในครรลอง
เลิกหม่นหมอง  ผองน้ำเน่า  เราขอลา

ณ.วันนี้

     ณ. วันนี้  โชคดีแล้ว  ได้แคล้วคลาด
ความฉลาด  บังเกิดบ้าง  ห่างความเขลา
เจ็บซ้ำซาก  ทั้งใจกาย  คล้ายมึนเมา
เลิกทาสเศร้า เฝ้าทุกข์ซ้ำ ช้ำเกินพอ
     อันนรก  คนเป็นๆ  เคยเห็นไหม
ใช้เตือนใจ  ให้ระวัง  ปฏักหนอ
มีโอกาส  พลาดพลั้งตก  นรกรอ
เดนคนก่อ  ล่อให้หลง  ลงอบาย
     เพราะกุศล  ผลจึงมี  วันนี้อยู่
บุญอุ้มชู    ให้ชีวี    มีที่หมาย
ได้พ้นเวร ได้เว้นกรรม มารทำลาย
เบาสบาย  หลายปัญหา  พาบรรเทา
     ความสุขใจ ให้หลงเพลิน อาจเลินเล่อ
ปล่อยใจเผลอ  กิเลสผลาญ  พาลอับเฉา
ต้องขวนขวาย   หายใจรู้   ดูจิตเอา
รีบขัดเกลา  โลภโกรธหลง  ตรงนิพพาน

เพื่อที่รัก

     เกิดทำไม  เกิดเพื่อใคร  อะไรเกิด
แสนประเสริฐ  ที่ได้เกิด  เป็นคนใหม่
เสริมกุศล  พัฒนาตน  ฝึกฝนใจ
นำพาให้  พ้นอบาย  ในฐานคน
     ได้สิทธิ์ใช้  ความเป็นคน  ตามวาระ
สร้างฐานะ  หาวัตถุ  สู้ขันแข่ง
แล้วอวดโก้  โชว์สมบัติ  อันแสนแพง
กล้าตะแบง  บ้าอำนาจ  ฟาดหัวคน
     ยังมีเงิน  ก็ยังมี  คนก้มหัว
ทำความชั่ว  มั่วว่าดี  มีคนขาน
ยามเงินหมด  อดีตเล่า  เขาประจาน
เสื่อมสังขาร  อำนาจสิ้น  หมดชิ้นดี
     เตรียมกายใจ  อย่างไร  ไม่เคยคิด
ขัดเกลาจิต  อย่างไร  ไม่เคยสน
ฝึกเรียนรู้  อย่างไร  ไม่เคยทน
เคยเจ็บ-จน  อย่างไร  ไม่เคยจำ
     ยังหลงเหลิง  เกียรติกามกิน  ติดตัณหา
เพียงศีลห้า  จนปัญญา  พัฒนาจิต
เกิดตายเปล่า  หนึ่งชาติ  ที่สิ้นคิด
วนเวียนติด  สะสมบาป  ตราบสิ้นลม

เพื่อตนเอง

      ชีวิตเปรียบ  ดั่งโลก  ที่หมุนมา
ปะทะพา  ดวงจิต  คิดหมองเศร้า
ความทุกข์ท้อ  ต่อสุขท้น  ปนคลุกเคล้า
แสนอับเฉา  คราวระทม  ขมขื่นใจ
       ลงหลักปัก  แน่วแน่  ไม่แส่หา
เรื่องยังมา  ให้ต้องแก้  ต้องหวั่นไหว
เรียนธรรมะ  เพื่อประจักษ์  ที่หนักใจ
ด้วยอาลัย  ในหวงห่วง  บ่วงผูกพัน
       เพียรทำใจ  ให้สดใส  ให้เข้มแข็ง
ทนความแรง  เหล่าอมิตร  พิชิตขวัญ
เมื่อจิตนิ่ง  สงบสู้  รู้ปัจจุบัน
รู้เท่าทัน  มันคือเงา  เขลาเหลือทน
       ทุกวันนี้  พอใจตาม  ความเป็นอยู่
พร้อมปรับกู้  วิกฤติใหม่  เมื่อปรากฏ
จิตสว่าง  กระจ่างธรรม  นำอนาคต
จึ่งหมดจด  จบแล้วจาก  อย่างงดงาม

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2557

สุขสันต์วันเกิด

     อายุ  ยืนยาว     พร้อม      ความสุข
     มั่น    คงใน        ความดี    อยู่เสมอ
     ขวัญ ใจของ      คนดี       ห้อมล้อม
     ยืน     ยงยิ่ง       สรรพสิ่ง  มงคล

ปุถุชน

        ความเป็นอยู่    ของปุถุชน     คือคนบอด
     อยากจะรอด      พ้นจากทุกข์   คุกคามถึง
     ขูดตัญหา           ฆ่ากิเลส           เหตุก้นบึ้ง
     ฝึกลึกซึ้ง            ถึงตอนจบ       พบนิพพาน

ฝนซา-ฟ้าใส

          เมื่อฝนซา        ฟ้าใส        ได้อีกครา
     แม้ดวงตา        ที่พร่าพราย     สดใสพลัน

โอฐภัย

        โอฐภัย       ไร้คุณธรรม     ประจำจิต
   ใช้ความคิด     ริษยา               มาเชือดเฉือน
   ให้บาดจิต       เจ็บช้ำ              ไม่ลืมเลือน
   เป็นเสมือน      อันธพาล           ผลาญผู้คน
        ทำไมฉัน     ต้องเจ็บช้ำ       ระกำจิต
   ปรุงความคิด    ผิดคาดหวัง      ยังฉงน
   หลงกิเลส        ติดตัญหา         ฝ่าวังวน
   ให้หลุดพ้น       คนพาล            ผลาญหัวใจ

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ชมกล้วยไม้

   ชมกล้วยไม้  ใช้เตือนใจ  ว่าใกล้ม้วย
เคยบานสวย  ช่วยเตือนสอน  ตอนร่วงเสีย
   พวงช่อดั่ง   พลังจิต   คิดจนเพลีย
เลิกละเหี่ย  เตรียมพร้อมสรรพ  ดับนิพพาน

ดุจโคมทอง ส่องสว่าง ทางนิพพาน

   แม้กาพย์กลอน ไม่งดงาม ตามฉันทลักษณ์
แต่ใจภักดิ์  รักอักษร  สุนทรสนาน
ได้ปลดเปลื้อง  อารมณ์รื่น  ได้ชื่นบาน
ได้เผาผลาน  ประหารกิเลส   เหตุระทม    
   ความในใจ  ได้ระบาย  ปลายดินสอ
บางครั้งท้อ  บางครั้งทุกข์  คลุกขื่นขม
ดั่งน้ำเน่า  ดั่งเรือนจำ  ช้ำโศกตรม
ข่มอารมณ์  ไม่สิ้นหวัง  ทางสุญญตา
   อยากหลุดพ้น  กงกรรมไป  ไม่เกิดอีก
เพียรสร้างปีก  ทวนกระแส  แก้ตัณหา
ยังล้มลุก  คลุกโทสะ  โมหะพา
โลภะมา  ปัญญาปรุง  สะดุ้งใจ
   ตั้งใจใหม่  ให้แน่วแน่  แพ้ไม่ได้
ชีวิตใกล้  หมดเวลา  พาสยอง
เร่งฝึกจิต  ศีลบริสุทธิ์  เป็นฐานรอง
ดุจโคมทอง  ส่องสว่าง  ทางนิพพาน